อันที่จริงผมเองก็บ่นผ่าน Twitter บ่อยมาก แต่ก็ลองหยิบกรณีศึกษาแปลกๆ แบบนี้มาบอกกัน ตัวอักษร 140 ตัวบน Twitter นี้อาจะทำให้เกิดความเสียหายใหญ่หลวงในการงานได้กรณีศึกษาที่ Social Media ยอกนิยมอย่าง Twitter สร้างความเสียหายแบบใหญ่หลวงกับหน้าที่การงาน โดยที่ต้นเหตุเกิดจากการที่คุณบ่นเรื่อยๆ เล็กๆ ผ่าน Twitter แค่ 140 ตัวอักษรเท่านั้น
Kendra Holliday กับเรื่อง Sex แบบไม่ลับผ่าน Twitter
แน่นอนว่าเธอคือ Blogger ชื่อดังใน St. Louis ที่ขึ้นชื่อในเรื่องของการถ่ายทอดประสบการณ์เรื่อง Sex และให้คำปรึกษาเรื่องชีวิตรักแก่ผู้อ่าน Blog ของเธอ http://www.thebeautifulkind.com ในช่วงกลางคืน ส่วนงานประจำของเธอในช่วงกลางวัน Kendra ทำงาน Parttime ในองค์กรไม่แสวงผลกำไรแห่งหนึ่งในเมือง เรื่องของเรื่องมันผิดพลาดที่ว่า เธอโปรยหัว Blog และ Twitter Bio ของเธอไว้ว่า “ฉันคือสวรรค์อันปลอดภัยของหนุ่มหื่นกาม” และประจวบเหมาะที่องค์กรที่เธอทำงานอยู่ กำลังต้องการหาคนมาทำงานเพิ่ม เลยใช้ Google ค้นหาลูกจ้าง ไปเจอ Link ที่เชื่อมโยงไปเว็บ Portal ที่เหมาะไม่เหมาะกับการเล่นในเวลางาน และพบ Account Twitter ของเธอเป็นหนึ่งใน Member ที่สามารถเชื่อมต่อ API เข้าระบบเว็บนั้นได้ Kendra ก็โดนไล่ออกวันนั้นทันที (หลังจากนั้นเธอก็มาเป็นคนดังบนโลกออนไลน์ และเรื่องการโดนไล่ออกยิ่งทำให้เธอดังมากขึ้นไปจากเดิมอีกด้วย)
Tweet ถูกแต่ Link นี่สิผิด
เป็นหนึ่งเหตุผลสำหรับการที่เว็บไซต์ต้องมี ปุ่ม Social Bookmark ให้กด ดีกว่า Copy Link ไปวางใน Twitter แล้วค่อย Tweet และก็เป็นข้อเตือนใจว่า รสนิยมของเราบางทีอาจจะแย่ก็เป็นได้ และนี่คือข้อผิดพลาดที่ใหญ่หลวงของ Meg Whitman ซึ่งเป็นเหตุการณ์ก่อนที่เธอจะได้เป็น CEO ของ Hewlett-Packard
ในช่วงนั้น Meg Whitman คาดหวังที่จะเป็นผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย แน่นอนว่าการหาเสียง และทำแคมเปญการเมืองในต่างประเทศนั้น Twitter คือเครื่องมือสร้างภาพลักษณ์ที่ดีที่สุด แต่ครั้งนี้ไม่ใช่… เมื่อโฆษกที่ดูแล Twitter ของเธอได้ Tweet ข้อความที่มี Link เชื่อมโยงแคมเปญของเธอผ่านหน้า Profile Twitter ของเธอ ซึ่ง Link จริงๆ คือหน้า Landing Page ที่จะมีฟอร์มสมัครและสนับสนุนให้คะแนนเธอผ่านหน้าเว็บไซต์ แต่กลายเป็นว่า ผิดพลาดเล็กน้อยผิดพิมพ์ Link ผิดตัวอักษรใน URL หายไป 1 ตัว สิ่งที่ปรากฏหลังจากกด Link ก็คือ
หนุ่มยุ่นนามว่า HJ ออกมาเล่นเบส แต่งหญิงครึ่งท่อน
พูดไม่ออกเลย กลายเป็นเรื่องดังบนโลกออนไลน์ทันที อ่านได้ที่ http://www.huffingtonpost.com/2010/10/19/whitman-twitter-fail-beco_n_768205.html
คุณตำรวจขี้โวยวาย
เรื่องราวของนายตำรวจแห่งเมือง Fort Lauderale ที่ชื่อว่า Luis Pagan แม้ว่าตัวเค้าเองจะมี Follower บน Twitter เพียงแค่ 84 คนก็ตาม แต่การ Tweet ระบายอารมณ์ของตัวเค้าเองก็ทำให้เค้าต้องสูญเสียงานของเค้าไปทันที
ในเดือน ตุลาคม 2012 เค้าเคย Tweet ว่า “Just caught a couple having sex in their car in a church parking lot. The car was shaking so much I thought it would flip.” ซึ่งหมายความว่า “ล่อกันในรถบนลานจอด รถขย่มแบบนี้อีกนิดก็พลิกคว่ำแล้ว” ประมาณนั้น ซึ่งทำให้หลายคนรู้ว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิบัติหน้าที่พร้อมทั้งวิจารณ์ประชาชนแม้ว่าจะทำผิดก็ตาม
หรือจะเป็นการระบายอารมณ์ในการตรวจจับเด็กแว๊น ผ่านการตำหนิผู้ปกครองที่ไม่ดูแลบุตรหลานอย่าง “ผมกำลังจัดการลูกหลายเหี้ยๆ ของพวกคุณ” ก็เป็นเรื่องของมารยาทของเจ้าหน้าที่ แต่ Tweet ที่ทำให้ Luis โดยไล่ออกนั้น คือ Tweet ที่ว่า “ไอ้พวกเหยียดผิว เฮงซวย” ซึ่งนั่นหมายถึงหัวหน้าของเขา แล้วมีคนใน Follower เห็นเลยเอาไปบอก เรื่องราวก็เลยจบทันที
อ่านได้ที่: POLICE OFFICER SUSPENDED FOR “TWEETING” WHILE ON DUTY
Tweet ด่าคนบนท้องถนน ก็มีภัยนะครับ
[ออกตัวก่อนว่าผมก็เป็นบ่อย] แหล่งข้อมูลจากเว็บไซต์ http://twittershame.tumblr.com/ หรือ Twitter: Hall of Shame (น่าจับเว็บแบบนี้มาทำในไทย) เกี่ยวกับ Scott Bartosiewicz (@scottbarto) ตำแหน่ง Social Media Marketing (ขอย้ำว่าตำแหน่ง Social Media Marketing) ของบริษัท New Media Strategies ได้ทวีตว่า “I find it ironic that Detroit is known as the #motorcity and yet no one here knows how to (expletive) drive.” ซึ่งแปลประมาณว่า “ผมว่ามันเป็นสิ่งที่ขัดแย้งกับความจริงที่ว่าเมือง Detroit เป็นเมืองแห่งยานยนต์ จากการขับรถแย่ๆ” พร้อมติด HashTag #motorcity ลงไป
และเพราะว่า Tweet เมื่อครู่มัน Tweet ผ่านหน้า Profile ของลูกค้าที่เค้าดูแลอยู่คือ Chrysler Group ไม่ใช่ Profile ของเค้าเอง (โอยยย เป็นกันบ่อย) สักพัก Profile Twitter ของ Chrysler ก็ได้ลบออกไปแล้วก็ปรากฏว่า “มีปัญหาขัดข้องในบัญชี Twitter กำลังแก้ไขกันอยู่” และแล้วผลที่เกิดก็คือ Chrysler ก็เลิกสัญญาว่าจ้าง Bartosiewicz ทันที…
ลองไปอ่านดู http://www.mlive.com/auto/index.ssf/2011/03/with_video_ferndale_man_sorry.html
ซวย 2 ต่อ
เหตุการณ์มันเกิดขึ้นกับแบรนด์ดัง Marc Jacobs ที่ก่อนหน้านี่ Robert Duffy ที่ดำรงค์ตำแหน่ง CEO ได้ใช้ Twiiter ของบริษัทเข้าไป Login กับเว็บที่มีชายหนุ่มเปลือยกายเต้นรูดเสา แล้วทุกคนในออฟฟิศที่ใช้ Twitter นั้นร่วมกันก็ได้เห็นกันหมดทั่วกันก็เลยจ้างเด็กฝึกงานมาดูแล Twitter แทนชั่วคราว
แรงกดดันมากมายที่เด็กฝึกงานคนนี้ต้องเจอก่อนที่เจ้าเด็กคนนี้จะถอดใจก็ได้ใช้ Twitter ของ Marc Jacobs ทำการ Tweet ปล่อยผี อย่าง “กูเกลียดงานนี้”, “ไอ้บ้าอำนาจเผด็จการ” (ด่า Duffy) และ “ผมต้องอดทน อยู่ออฟฟิศคนเดียวลำพัง แล้วยังต้องสร้างความบันเทิงให้พวกคุณอีก อย่ามาตัดสินผม” แล้วก็โดนไล่ออกไป
Marc Jacobs ต้องออกมาขอโทษแล้วเตือนให้สื่อทราบทันทีว่า “Twitter เป็นสถานที่บ้าๆ บอๆ เก็บ Password ของคุณให้ดี”
อ่านต่อได้: http://www.stikkymedia.com/articles/twitter-fail-5-types-of-tweets-that-will-ruin-your-life
Tweet ที่ดูไม่ฉลาด หากต้องเทียบกับตำแหน่งที่เป็นก็โดนไล่ออกนะ
ผู้บริหารที่เล่น Twitter ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้บริหาร หรือผู้นำนั้น หลายๆ คนที่เป็น Follower ต่างก็คาดหวังว่าเค้าคนนั้นจะต้องมี แนวคิด แง่คิดที่ดีๆ โดยเฉพาะคนที่ติดตามเป็นบอร์ดบริหารด้วยกันต่างก็คาดหวังว่า Twitter และข้อความที่เป็นผู้นำความคิดจะต้องโดดเด่น (ซึ่งนั่นอยู่กับ วัฒนธรรมองค์กรอีกที)
Gene Morphis โดนเด้งจากตำแหน่ง CFO ของบริษัทเสื้อผ้าสตรี Francesca’s Holding โดยทางบริษัทได้ออกมาแถลงว่า ตัวของ Morphis นั้นมีลักษณะการให้ข้อมูลข่าวสารของบริษัทผ่านสื่อออนไลน์ที่ดูไม่ค่อยเหมาะสม พอมีทีม Audit เข้าไปตรวจสอบบัญชี Twitter ของเขาซึ่งดูแล้วก็ไม่มีพิษมีภัยหรอก ก็คงตีความได้ว่าเค้าคงโดนไล่ออกเพราะลักษณะการ Tweet ที่ทั้งทึบ และทื่อ ผ่านบัญชี @theoldcfo ตัวอย่างเช่น “ประชุมบอร์ด-กำไรดีบอร์ด Happy” จบ…
ไปอ่านดู: http://blogs.wsj.com/cio/2012/05/15/francescas-ex-cfo-has-history-of-revealing-tweets/
เรื่องของตัวตลกผยองบนหลังเสือ
Twitter ของผู้แทน Rick Larsen (D-Wash) นั้นจะมีทีมดูแลใน Twitter ที่หลายคนจะรู้จักกันเป็นทีมงาน 3 คนที่ใช้ชื่อว่า D2R ย่อมาจาก December to Remember เท่นะ
แต่เหล่าทีมงานเหล่านี้ไม่รู้ไปอ่านตำราการตลาดจากที่ไหนเกี่ยวกับเรื่องของ Personal Sentiment Branding ว่าจงเป็นกันเองกับผู้บริโภค ก็เลยผยองกันใหญ่ Tweet ที่ปรากฏก็เลยเต็มไปด้วยข้อความโอ้อวดประเภท “แอบดื่มเหล้า Jack Daniel ระหว่างทำงาน” หรือ “นั่งเมากันหลังเวทีปราศรัย” ไปจนถึง “หัวหน้าบ้องตื้น” (ด่า Larsen) และ “ต่ำช้าเห็นแก่ได้” (ด่า Larsen) อีกเยอะแยะมากมาย
มันเป็นภาพลักษณ์ที่ดูไม่ดีบนเงินภาษีของประชาชนกับสิ่งที่ D2R ทั้งสามได้ทำ กินเวลา 4 เดือนกว่า Larsen จะรู้ตัวแล้วไล่ออกก็เสียคะแนนไปพอประมาณ…
ขอบคุณข้อมูลจาก Bloomberg BusinessWeek Thailand
สือสังคมหรือ Social Media อย่าง Twitter คือเครื่องมือการตลาดที่ทรงพลังถ้าใช้มันอย่างสร้างวรรค์แบ่งปันสิ่งที่ดีมีประโยชน์นะครับ และจะเห็นว่ากรณีศึกษาทั้งหมดที่เห็นนี้ ล้วนเกิดจากการคิดเร็ว และใช้อารมณ์ส่วนตัวมาใช้บน สื่อ ซึ่งถ้าไม่มีสติ และกาศเทศะ ผลที่เกิดขึ้นก็คือความเสียหายทั้งตัวคุณและองค์กร ดังนั้นแบ่งปันแต่สิ่งดีๆ กันดีกว่าครับ เรื่องส่วนตัวก็บ่นได้แต่อย่าโจมตีใครมากมายเกินไป
อย่าเอาสื่อเป็นเครื่องมือประหัดประหารใครเลยครับ เชื่อผมเถอะ…
เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ ^__^