เทคโนโลยีและการเข้าถึงข้อมูล (Information) ในปัจจุบันมีการปรับตัวให้ขยายและรองรับข้อมูลที่มีปริมาณมากขึ้นโดยเน้นการเข้าถึงที่ง่ายและรวดเร็วโลกยุคเทคโนโลยีได้เพิ่มช่องทางในการเชื่อมต่อ หรือ Connectedness เพิ่มโอกาสให้แก่ นวัฒกรรมเพื่อสร้างจุดขายแก่เหล่าเซลล์ (Sale), AE สามารถกระตุ้นการขายงานหรือบริการด้วยความเข้าใจได้ง่าย และสร้างทางเลือกให้กับเซลล์โดยที่ เซลล์สามารถขายงานผ่านระบบอินเตอร์เน็ท และ สามารถจับกลุ่มลูกค้าที่สนใจจาก Media ที่เรานำเสนอในรูปแบบต่างๆออนไลน์

ซึ่งดีกว่าการโยนหินถามทางเดินเข้าไปหาลูกค้าโดยตรง ซึ่งเป็นวิธีการดั้งเดิมในการขายหรือที่เรารู้จัก (Direct Sale) ซึ่งโอกาสที่นอกจากจะเหลือ 50-50% นั้นยังต้องแลกกับเวลาที่เสียไปในการเดินทาง และ จะเสียเวลามากหากเข้าถึงลูกค้าที่ไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายโดยตรง

อะไรคือ Sale 2.0 ?
คำนี้คงไม่ค่อยคุ้นหูเท่าไหร่แต่เป็นสิ่งที่มาพร้อมกับ Web 2.0 ที่เป็นยุคกำนิดการปฏิรูปชีวิตออนไลน์บนอินเตอร์เน็ท ซึ่ง Sales 2.0 คือการใช้นวัตกรรมการขายแบบใหม่ ที่มุ่งเน้นการสร้างประโยชน์ มูลค่าตลอดจนคุณค่าของสินค้าให้ทั้งลุกค้าหรือผู้ใช่บริการและผู้ให้บริการหรือผู้ประกอบการ,ผู้ขาย(Sale) โดยการใช้เทคโนโลยี Web 2.0 และเทคโนโลยีทันสมัยที่ปรากฏออกมาเช่น Social Media, Cloud, Advertising, Affiliate ซึ่ง Sales 2.0 ได้รวมเอาศาสตร์ของการจัดการที่เน้นกระบวนการ การจัดการต่างไปจนถึงการเข้าถึงข้อมูลเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ พร้อมทั้งนำศาสตร์และศิลปะแห่งการสร้างความสัมพันธ์เข้าไว้ด้วยกันโดยใช้ทรัพยากรทางบุคคล และทรัพยากรทางเทคโนโลยี อย่างชาญฉลาดเพื่อให้เกิดผลกำไรและตอบสนองความต้องการ

ของลูกค้าได้ดีที่สุด ระบบปฏิบัติการนี้ได้พิสูจน์แล้วว่า เป็นระบบที่เหนือกว่า, สามารถคำนวณผลกำไรได้อย่างแม่นยำและขยายผลลัพธ์ในองค์กรได้ง่าย ผลประโยชน์ที่ได้รับคือยอดขายที่เพิ่มขึ้น, ค่าใช้จ่ายด้านการขายที่ลดลง และรักษาความได้เปรียบเหนือคู่แข่งในระยะยาว

Sales 2.0 และ Social Media แนวทางใหม่ของการขาย

Sale ที่ยอดเยี่ยมนั้นไม่ใช่แค่การขายอะไรก็ได้ให้ได้ยอดก็พอ กลับกัน Sale ที่ยอดเยี่ยมหรือ Sales Pros นั้นจะพูดถึงวิธีการฉลาดในการขายและเข้าถึงกลุ่มลูกค้าโดยไม่เสียเวลาเดินทางและ เจรจาซึ่งวิธีที่ Sale ที่มีแนวทางที่ฉลาดนั้นคือการวางกลยุทธที่ไม่ใช่เพียงกลยุทะการขายอย่างเดียวแต่ต้องมีกลยุทธการเข้าถึงโดย Social Media เช่น E-Mail Marketing ซึ่งวิเคราะห์ตลาดแล้ว 1.4 พันล้านคนในโลกธรุกิจ และ ที่ชัดเจนสุดคือประเทศจีน และ อเมริกา นั้นใช้อีเมลในการสำรวจกลุ่มเป้าหมายในการเข้าถึง

ทำไมถึงต้องใช้ Social Media ก็เพราะว่า เป็นแนวทางไปหากลุ่มเป้าหมายของบริการที่ Sale จะขายมีเปอร์เซ้นต์ร้อยละ 85% และลดการเดินทางสามารถทำงานที่ไหนก็ได้เช่นที่บ้านก้สามารถทราบลิส ลายชื่อของลูกค้าได้ถึง 61% สามารถสร้าง PartnerShip ในด้าน business ได้ถึง 56% อีกทั้งหากว่าใช้ Social Media เช่นการสร้าง Group หรือ Fanpage จาก Facebook นั้นสามารถสร้างความน่าเชื่อถือแก่ตัวบริการและ Sales เองถึง 48% พร้อมทั้งบริการและสินค้าที่จะขายได้ถูกกระจายผ่าน Social Media มีสิทธิ ที่เครื่องมือค้นหาอย่าง Google, Yahoo และ Bing นั้นทำ SEO ได้ถึง 52%

บริหาร ทีม Sales ของคุณด้วย Social Media

Sales 2.0 เป็นแนวคิดที่เหมาะผมในการฝึกทีมการขาย เปรียบเทียบตลาดและร่วมกันวิเคราะห์ ยกตัวอย่าง Fanpage ของ Facebook จะมีค่า stat ที่สามารถอ้างอิงความน่าสนใจของสินค้าและบริการ ได้และที่สำคัญ สามารถนำข้อมูลทั้งหมดเปรียบเทียบผ่าน เครื่องมือออฟฟิศ 2.0 (Office 2.0) หรือ SaaS พวก CRM เป็นตัวกลางในการทำงาน และ วิเคราะห์ทีมของคุณ เช่น Google Calendar, CRM System และ Google Doc เป็นต้น เพราะเครื่องมือเหล่านี้ช่วยในการ Tracking (ติดตาม) การทำงานและยอดขายของสมาชิกในทีมขาย

Social CRM

ไม่น่าจะเป็นคำที่เกิดขึ้นได้ แต่ย่าจะอยู่ในส่วนของ Social เพราะเป็นการประยุค cloud computing ผ่าน Saas (Software as a Service) ให้การเป็นระบบดูแลลูกค้า CRM ซึ่งระบบที่เหมาะสมนั้นเคยได้เขียนลงไปในบทความที่ผ่านมานั่นคือ Saleforce CRM นอกจากจะเป็นแอพพิลเคชั่นในการจัดการข้อมูลลูกค้าแล้วยังเป็นเสมอ ชุมชน community ระหว่างสามชิก Sales ในทีมอีกด้วย

Sales & Marketing Manager นั้นควรจะต้องมี Web tool ที่ทำงานแบบ On-Demand ผ่านระบบออนไลน์เพื่อกันข้อมูลสูญหายในกรณีเครื่องคอมพิวเตอ์ส่วนตัวขัดข้อง
แน่นอนการฉลาดใช้เครื่องมือในด้าน Social Media นั้นย่อมเป็นการทำงานที่ชาญฉลาด กว่า B2BSales เพราะมันเป็นได้ทั้ง B2B และ B2C