ในหลักพุทธศาสนามีหนทางที่จะนำไปสู่ความดับทุกข์ เรียกว่า “ทางสายกลาง” สำหรับคนธรรมดาที่ทำงานออฟฟิศ รับเงินเดือนอย่างผู้เขียนและผู้อ่านหลายๆ คนอาจจะงง ว่าทำไมถึงได้หยิบเรื่องพุทธศาสนาขึ้นมา ประเด็นจริงที่จะพูด คือ “ทางสายกลาง” ซึ่งตามความเข้าใจของผู้เขียนนั้น น่าจะมาจากการรู้จักธาตุแท้ของคนในองค์กร การตั้งกฎเกณฑ์ที่มีความ ยืดหยุ่นทั้งภาพรวมที่ไม่แข็งจนเกินไป ปล่อยให้ผู้ทำงานปรับเปลี่ยนเองบ้างในบางเรื่อง แต่กระนั้น บางองค์กรก็มีมาตรฐานที่สูงและต่ำไล่เลี่ยกันไป ซึ่งมาตรฐาน เหล่านี้มักหนีไม่พ้นเรื่องของเทคโนโลยี
เปรียบได้กับกลุ่มคนทำงานด้านไอที ที่ตลาดต้องการตัวคนกลุ่มนี้ ตลอดทั้งเทคโนโลยีเป็นหนึ่งในหัวใจหลักขององค์กร แม้ว่าเหล่านักพัฒนา กราฟิกดีไซน์ และผู้ดูแลภาพรวมด้านเทคโนโลยี จะมีความสามารถมากมายเพียงใด แต่ก็ต้องพบกับปัญหาหลากหลายในการ “เปลี่ยน” เช่น เปลี่ยนผังองค์กร เปลี่ยนที่ทำงาน หรือเปลี่ยนธุรกิจบริการ
เพราะในการ “เปลี่ยน” เหล่านี้ ตัวองค์กรและพนักงานฝ่ายอื่นที่ทำงานด้านบริหารหรือบัญชี ตลอดจนธุรการทั่วไปก็เพียงแค่ปรับตัวและยอมรับ แต่สำหรับเหล่าคนไอทีและ ผู้บริหารด้านเทคโนโลยีองค์กร ที่เข้ามารับช่วงต่อกับการ “เปลี่ยน” ดังกล่าวเป็นเรื่องใหญ่ซะยิ่งกว่าโดนเลย์ออฟ ออกจากงานซะอีก
เนื่องด้วยหลากหลายปัจจัยที่เกิดการเปลี่ยนแปลง เหล่าคนไอทีต้องทำงานหนักขึ้นในเบื้องหลัง และพัฒนาบริการที่เอื้ออำนวยแก่คนในองค์กรฝ่ายอื่นๆ ถ้าหากกลุ่มคนที่เป็นแรงผลักดันเทคโนโลยีเหล่านี้ยังยึดติดกับ มาตรฐานเดิม มาตรฐานเก่า หรือ Platform ไอทีเดิม จะเป็นการยากลำบากซะยิ่งกว่าเรื่องอื่นที่จะตามมา และจะก่อให้เกิดความขัดแย้งระหว่างองค์กรและ ทีมพัฒนา
ดังนั้น กลุ่มคนไอทีต้องเปลี่ยนและยืดหยุ่นตัวเองให้เดินไปทางสายกลางของโลก เทคโนโลยี ซึ่งหมายความว่าความสามารถของตัวเองนั้นยืดหยุ่นได้ ไม่ยึดติดกับ GUI (Graphic User Interface) เดิม มีการเปลี่ยนมาตรฐานที่ใช้อยู่ให้เป็นอิสระต่อทุก Platform ขององค์กร เพื่อประยุกต์ได้กับมาตรฐานอื่น เช่น Windows หรือ Linux ก็ไม่มีปัญหาในการประยุกต์กับทรัพยากรส่วนตัวที่มี
ซึ่งทางสายกลางของผู้เขียนนั้นก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นสาวกของ Google แต่อย่างใด เพราะมี Online Application, Office 2.0 Web Application หรือ Cloud Service Application ของผู้ให้บริการอื่นหลากหลาย เช่น Yahoo, Zoho, Saleforce และอีกมากมาย แต่ที่ยกมาตรฐานของ Google มาเป็นตัวอย่างนี้ เพียงเพราะว่าผู้อ่านหลายคนสามารถเข้าใจและดำเนินการ ตามได้ทันที
สิ่งที่ต้องยึดถือในการเดินทางสายกลางของโลกเทคโนโลยี มีอยู่ 3 สิ่ง สิ่งแรกคือ ความรู้ที่เกิดจากการขวนขวายตามข่าวสาร ด้านไอทีทั่วโลก ต่อมาคือ อุปกรณ์ (Tools) ซึ่งในที่นี้คือ เครื่องมือที่เราถนัด บ้างก็ถนัดใน Tool Solution Platform ของ Microsoft บ้างก็ถนัด Framework ของ Open Source ได้แก่ Java และ PHP และสิ่งสุดท้ายคือ บริการ (Service) ที่เราสามารถเปลี่ยนมาตรฐานองค์กร หรือถ้าไม่สามารถ เปลี่ยนได้ก็ยังใช้ประยุกต์ร่วมกับระบบพื้นฐานดั้งเดิมที่สืบทอดมา (Legacy System) โดยไม่เกิดปัญหา
เครื่องมือ (Tools) ที่สามารถเปลี่ยนมาตรฐานของผู้ใช้งาน มีหลากหลายว่าต้องการเป็นคนที่ยืดหยุ่นในเรื่องการทำงาน มากแค่ไหน นั่นคือความต่างของผู้ใช้แต่ละคน ซึ่งนัก พัฒนาที่ผูกติดกับค่าย Microsoft สามารถดาวน์โหลด แอพพลิเคชั่นที่เป็น Express Solution ฟรีของทาง Microsoft เช่น Visual C# 2008 Express Edition แม้ว่าจะมีเสียงบ่นเกี่ยวกับคำสั่งและ Extension บางตัว แต่ถ้าคิดซะว่ากระบี่อยู่ที่ใจแล้ว เครื่องมือก็ไม่มีความหมาย ฐานความรู้ มากมายที่สามารถตอบโจทย์และช่วยแก้ปัญหาได้นั้นมีบน อินเทอร์เน็ตหมดแล้ว
สำหรับนักพัฒนาที่มาในฝั่งของ Open Source นั้นไม่ยากเลยที่จะมี BloodShade DevC++, Notepad++ หรือ eClipse ติดตัว Thumb Drive หรือ External Hard Disk ตลอดเวลา
ส่วนบุคคลอื่นที่นอกเหนือจากนักพัฒนา ที่อาจจะเป็นอาชีพอื่นที่ต้องใช้เทคโนโลยีมากมายที่อยากจะลองเดินทางสายกลาง เข้าเทรนด์ฮิต เผื่อจะ Cool กับเค้าบ้างก็ทำได้เช่นกัน เพียงแค่คุณ มี CD, DVD, Thumb Drive หรือ External Hard Disk คุณก็สามารถมีเครื่องมือที่ไม่ต้องไปยึดติดว่าจะใช้เครื่องพีซีที่ไหน อาจจะลงแค่ Operating System เปล่าๆ บนแล็ปท็อปของคุณก็พอ แล้วหาร้านกาแฟเย็นที่มี Wi-Fi ให้คุณทำงานออนไลน์ตามหลัก Office 2.0 หรือพีซีที่ Internet Cafe จะมีซอฟต์แวร์ที่เราทำงานได้หรือเปล่า คุณเพียงแค่ลองใช้เจ้า PortableApps Suite ที่ทางผู้พัฒนานั้นรวมชุดอุปกรณ์สำคัญๆ มากมายให้คุณได้โหลดไปใช้ให้เต็มอิ่มทีเดียว สามารถเข้าไปดาวน์โหลดได้ที่ http://portableapps.com เมื่อดาวน์โหลดแล้วให้คุณติดตั้งบนอุปกรณ์พกพา เช่น Thumb Drive หรือ External Hard Disk ก็เป็นอันเสร็จ
ในตัวชุดเจ้า PortableApps มีทุกอย่างที่จำเป็นตั้งแต่ Thunder Bird เพื่อให้คุณสะดวกในการเช็กเมล เพราะเป็นซอฟต์แวร์ E-mail Client ที่ถือว่าใช้งานง่ายตัวหนึ่ง ตามติดด้วย Sunbird ซึ่งเป็น Calendar Event ในการนัดหมาย อีกทั้งคุณยังสามารถ Synchronize เจ้า Google Calendar ให้เข้าไปแสดงผลใน Sunbird ได้อีกต่างหาก ต่อมาก็ได้แก่ Firefox เบราเซอร์ในการท่องเน็ตก็ถูกถอดออกมาในรูปแบบของ Portable Application และสุดท้ายก็คือ ชุดสำนักงาน Open Office และ Clamwin Anti-virus ถือว่าครบวงจรและยืดหยุ่นที่สุด เพราะชุดซอฟต์แวร์เหล่านี้ถูกติดตั้งลงในอุปกรณ์พกพาซึ่งคุณสามารถพกมันติด ตัวไปไหนมาไหนก็ได้
สำหรับ บริการ (Service) ที่เป็นอีกหนึ่งหัวใจหลักในการ เดินทางสายกลางโลกเทคโนโลยีนั้น ทางผู้เขียนจะยกตัวอย่างมาตรฐานบริการ (Service) ของค่าย Google เป็นหลัก ซึ่งผู้อ่านสามารถไปหาบริการของค่ายอื่นผู้อ่านที่ชอบได้ในภายหลัง ทาง Google Apps ได้เปิดตัวออกมาได้สักพัก และเป็นข้อดีต่อองค์กรหลายองค์กรอย่างมากๆ เลยก็คือ ลดค่าใช้จ่ายของเทคโนโลยีเซิร์ฟเวอร์ลง
มองในปัจจุบันแล้ว ที่ ผ่านมามีหลากหลายองค์กรในประเทศไทยที่เปลี่ยน Domain ขององค์กรเข้าไปใช้บริการของ Google Apps เพราะว่าเป็นการยึดมาตรฐานใหม่ที่ตอบโจทย์การทำงานออนไลน์ได้ชัดเจน และลดบทบาทการทำงานบนเครื่องเซิร์ฟเวอร์ให้น้อยลง เป็นการประหยัด ค่าบำรุงรักษา
Google Apps ถือว่าเป็น Cloud Computing ตัวหนึ่ง หากได้ นำ Domain ขององค์กรเข้าไปผนวกรวมกับบริการของ Google Apps จะมีคุณสมบัติที่ตอบสนองการทำงานระหว่างแผนกและองค์กรได้อย่างดี ทั้งเรื่องของ E-Filing (ระบบเอกสารออนไลน์) ที่หลายหน่วยงานของรัฐบาลเคยสนใจเมื่อหลายปีก่อน ถึงขั้นจ้างบริษัทเอกชนหลายเจ้ามาพัฒนาระบบ E-Filing เป็นเรื่องเป็นราว
หากเพียงแค่ว่า Google Docs, Google Calendar, Google Site ที่อยู่ใน Google Apps เพิ่งแจ้งเกิดไม่นานมานี้ ถ้าเกิดในเวลานั้น หน่วยงานที่ต้องการ E-Filing จะไม่ต้องเสียเงินต้นทุนในการจ้างติดตั้งระบบเลย เพราะตัว Google Apps นั้นมีคุณสมบัติดังกล่าวครบตามสถาปัตยกรรมการวางแผนดำเนินงานของระบบเอกสาร อิเล็กทรอนิกส์หรือ E-Filing
หากว่าเรามี Google Apps เป็นมาตรฐานหลักแล้ว E-mail ที่เราใช้กับในองค์กรสามารถเปลี่ยนเซิร์ฟเวอร์ในการรับ-ส่งเป็นบริการของ Google Apps หรือ
ต่อมาคือ Direction Tool ที่หลายคนคงคุ้นเคยกับ Google Maps อาจจะลองของใหม่ที่ใช้งานไม่ยากอย่าง Bing Map System ที่กำลังจะออก และ MapQuest ที่ถือว่าเป็นเทคโนโลยีระบุเส้นทางและตำแหน่งที่ไลฟ์สไตล์ของเหล่าคนทำงาน ด้านไอทีที่ต้องมีในการนัดหมาย เพราะว่าในปีนี้เหล่าค่ายยักษ์ใหญ่ Google, Yahoo และ Bing ต่างระดมทุนในเรื่องของ Diretion Tool หรือ Traffic App เหล่านี้อย่างหนักหน่วง
ต่อมาสำหรับเหล่าคนไอทีที่มีสมาร์ทโฟน จะเห็นว่าตลาดเติบโตมากขึ้นและราคาของตัวเครื่องที่ลดลง ทำให้จำนวนคนทำงานใช้สมาร์ทโฟนมากขึ้น ซึ่งการจะเดินทางสายกลางสายนี้ ถือว่าเป็นข้อที่เดินได้น้อยที่สุด แต่ถ้าหากว่าสามารถเลือก เส้นทางนี้ได้แล้ว จะเป็นผลดีต่อ Information ของตัวคุณเอง ได้แก่ QR Code เพราะ ถ้าหากว่าพีซีของคุณดาวน์โหลด QR Code Reader ได้แล้ว สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ๆ ของคุณ ก็สามารถอ่าน QR Code ได้เช่นกัน และธุรกิจหรือการติดต่อการแนะนำตัวระหว่างลูกค้าของคุณจะง่ายมากขึ้น
มาตรฐานของบริการเหล่านี้ ที่ผู้ดูแลเทคโนโลยีอาจจะเปลี่ยนผังขององค์กรให้ไปขึ้นตรงกับเทคโนโลยี คลาวด์อย่าง Google Apps หรือบริการของค่ายอื่นๆ และอุปกรณ์ใช้งานที่คุณสามารถติดตัวไปทำงานกับหน่วยงานหรือองค์กรที่แตกต่าง กันได้ ประหนึ่งว่า การทำงานของคุณมีมาตรฐานของตัวเองที่สามารถปรับ เปลี่ยนแนวคิดคุณเองและผู้ใช้งานร่วมกับ คุณหรือองค์กรที่คุณได้เปลี่ยนแปลงหรือร่วมพัฒนา โดยยึดทางสายกลางด้านเทคโนโลยีที่ยืดหยุ่นไม่ยึดติดกับ เส้นทางใดทางหนึ่ง เท่านี้เทคโนโลยีที่พอเพียงกับแนวคิดการเดินสายกลางอย่างเรียบง่ายก็เป็น วิธีที่ลดการกดดันและพร้อม ที่จะยิ้มให้กับคำว่า “เปลี่ยน” ในทุกองค์กร
บทความนี้ของผม
ตีพิมพ์ในนิตยสาร : Ecommerce Magazine
March No.135
บริษัท มีเดีย แอสโซซิเอตเต็ต จำกัด 42/38 ซอย โชคชัยร่วมมิตร ถนนวิภาวดีรังสิต |
แขวงจอมพล เขตจตุจักร |
กรุงเทพฯ |
10900 |