อีกหนึ่งเครื่องมือในการรับฟัง และ ติดตามผู้บริโภคของแบรนด์ที่เริ่มใช้ Social Media อย่าง Facebook และ Twitter ในการทำแคมเปญ และดูแลภาพลักษณ์ของแบรนด์
แน่นอนว่าการใช้เครื่องมือในการ Monitoring เฝ้าติดตามเทรนด์ หรือแนวโน้มของผู้บริโภค ไปจนถึงรับฟังข้อวิจารณ์ คำติชมหรือ Listening เกี่ยวกับแบรนด์สินค้า แคมเปญ หรือ กิจกรรมที่เราจัดขึ้นบนอินเทอร์เน็ตหรือช่องทางออนไลน์ผ่านสื่อสังคม หรือ Social Media เช่น Facebook, Twitter ที่ตอนนี้มีผู้ใช้งานหลากหลายยกเป็นช่องทางในการประชาสัมพันธ์ และโฆษณาไปแล้ว
การที่จะควบคุมทิศทางของ แบรนด์สินค้า ธุรกิจ หรือเป้าหมายในการดำเนินการในการทำกิจกรรม หรือโครงการผ่าน Social Media นั้นอาจจะต้องมีความเสี่ยงในการ ปะทะ กับผู้บริโภคที่ใช้สินค้า หรือบริการ ของแบรนด์เราจริงๆ ผ่าน Social Media ถ้าผู้บริโภคหรือกลุ่ม Audience ของเราพอใจแล้วล่ะก็ อะไรๆ ก็ง่ายไปหมดเพราะตัวเลขในการวัดผลนั้นมันแน่ชัด และเก็บสถิติได้อีกทั้งการกระจาย ข้อความ หรือ Message ให้ไปทั่วถึงกลุ่มเป้าหมายนั้นก็ทำได้ง่ายๆ เอาแค่ ดูจำนวนการกด Like ของ Facebook ที่ SMEs บางรยที่ Start Up อาจจะมีประมาณ 1,500 คน ซึ่งโดยเฉลี่ยตามสถิติเพื่อนของผู้ใช้งาน Facebook คนหนึ่งจะตกอยู่ที่ 200 คนต่อ 1 ผู้ใช้งานโดยเฉลี่ย เอา 200 เข้าไปคูณ 1,500 เลยครับ 300,000 คนคือจำนวนเพื่อนของผู้บริโภคหรือ Fan ของเราหรือที่เรียกว่า Friends of Fan ทำอะไรยิงข้อความโดนๆ เข้าไปดีๆ ก็ไปได้สวยครับ แต่ถ้าหากว่ามีผู้ใช้งานคนหนึ่งเค้าไม่ปลิ้มหรือพบกับข้อผิดพลาดที่แบรนด์เรามีจริงๆ ไม่ก็โดนโจมตีจากคู่แข่งแล้วล่ะก็ Social Media ก็เปลี่ยนเสมือนทุ่งนากว้างๆ ที่เต็มไปด้วยต้นข้าวแห้งๆ เหลืองๆ ที่พร้อมจะเป็นฟืนให้เกินไฟลามทุ่ง กระจายสิ่งไม่ดีไปได้รวดเร็วเช่นกัน ดังนั้นเราต้องมองไป จุดเริ่มต้นของการทำการตลาด บนพื้นฐานของ CRM คือถ้ามีข้อบกพร่อง หรือมบทสนทนาที่ร้องเรียน ไม่แง่ที่ไม่พอใจ เราควรจะต้องทราบโดยไว และส่งผู้ชำนานการ หรือ ผู้ประสานงานวิ่งตรงเข้าไปแก้ไขปัญหากับผู้บริโภครายนั้นให้เกิดความพึงพอใจให้เร็วที่สุด แต่ Facebook และ Twitter มีเป็น หมื่นเป็นพัน Timeline เราจะเอาเวลาไหนไปนั่งเฝ้า คอยรับฟังผู้บริโภคได้ตลอดเวลาล่ะครับ นั่นก็เลยกลายเป็นว่าเครื่องมือในการ เฝ้าติดตามแบรนด์ของเราหรือ Brand Monitoring หรือ Social Media Monitoring นั้นกลายเป็นสิ่งจำเป็นไปในทันที ซึ่งก็มีให้เลือกใช้มากมาย ฟรีบ้าง เสียค่าใช้จ่ายบ้าง ปะปนไป รอบนี้เลยอยากจะหยิบเครื่องมือตัวหนึ่งที่น่าจะช่วยเหลือในเรื่องการทำ Brand Monitoring ได้ง่ายๆ และใช้งานไม่ยากเกินไปนั่นคือ Crowbooster ครับ
การสมัครเข้าใช้งานของ Crowsbooster นั้นก็ง่ายครับใช้บัญชี Twitter ของเรา และพ่วงหน้า Fan Page ที่เราดูแลเข้าไปเล็กน้อยก็จะ ใช้งานได้ทันที แต่ในเบื้องต้นใช้งานแบบฟรี จะใช้ได้แค่ 1 Social Network ต่อ 1 บัญชีผู้ใช้ครับ อยากดูแลหลายๆ ตัวก็ต้องยอมลงทุน Upgrade ตัว Package กันหน่อยครับ
สำหรับ Crowdbooster นั้นในหน้าแรกที่เราจะพบก็คือ หน้า Impression ที่จะบอกว่า Social Network ทั้ง Twitter และ Facebook ที่เราใช้ทำ แคมเปญการตลาดออนไลน์ ในแพลตฟอร์มของมันนั้นมียอดคนเข้าชม และมีการโต้ตอบสูงแค่ไหน ยอด Retweet มีมากเป็นเท่าไร และคน Reply และมองเห็นสูงในแต่ละวัน อยู่ระดับที่พึงพอใจหรือไม่ อีกทั้งข้อความที่คน Retweet และมองเห็นเยอะๆ นั้นเป็นข้อความที่ทำให้เกิดประเด็น หรือ ดราม่าหรือเปล่าครับ กระจายตัวออกมาเป็น Area Graph และ Line Graph ให้ดูกันอย่างสวยงาม ตามช่วงของข้อมูล
ต่อมาคือส่วนของ Follower Growth ที่จะเป็นสถิติการเติบโตของ Follower ของเรา หรือคนกด Like ของเราว่าเพิ่ม หรือ ลดลง ในแต่ละวันเท่าไรทำให้ทราบได้ว่า Message วันนั้น หรือแคมเปญที่เล่นในวันนั้นที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของจำนวนผู้ติดตาม มีผลต่อกันหรือไม่จะได้นำมาปรับแต่งเล่นแคมเปญในแนวทางไหนต่อในในวันพรุ่งนี้ครับ
สุดท้ายก็ Featured พื้นๆ ธรรมดา แต่ก็สำคัญใช่เล่นนั่นคือ Top Fans หรือ Top Retweets ของเรา ทีจะเป็นการบอกว่าลูกค้าชั้นดีของเราคือใคร และเราสามารถใช้กลุ่มคนกลุ่มนี้มาช่วยเหลือเราในการทำแคมเปญการตลาดได้ดีขึ้นครับ
ก็เป็นอีกเครื่องมือหนึ่งในการติดตามแนวโน้มของผู้บริโภคเกี่ยวกับแบรนด์สินค้า และบริการของเราผ่าน Social Media อย่าง Facebook และ Twitter ที่มีประสิทธิภาพตัวหนึ่งเลยล่ะครับ ลองเข้าไปทดลองใช้งานกันดูก่อนก็ได้ครับ ชอบไม่ชอบผมว่ามันอยู่ที่การตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้และคนมากกว่าครับ
https://crowdbooster.com
