Go Lang

การเขียนโปรแกรม ภาษา Go

ภาษา Go เป็นภาษาใหม่ที่ทาง Google ได้พัฒนาขึ้นมาในรูปแบบของ OpenSource Project โดยทีมนักพัฒนาของ Google สำหรับแนวทางเลือกใหม่การเขียนโปรแกรม

อันที่จริงโครงการนี้เป็นโครงการที่ Google ได้วางนโยบายให้ พนักงานใช้เวลาว่าง 20% ของเวลางานไปทำอะไรก็ได้ที่อยากจะทำแบบ Capstone (แนวทางการศึกษาด้วยตนเอง) ก็เลยได้เกิดเจ้าโครงการภาษา Go นี้มา แต่สำหรับส่วนตัวของผม ผมแค่รู้สึกว่าเจ้า Go เฟอร์ สัญลักษณ์ของภาษานี้มันน่ารักดี ประกอบกับมีพี่น้องนักพัฒนาชาวไทยของเราเริ่มหันมาใช้ภาษา Go มาพัฒนา API และ Web Services ด้วยคุณสมบัติของความรวดเร็วของมัน

เริ่มต้นก็สามารถเข้าไปติดตั้ง และดูวิธีการ Set PATH ได้เลยครับที่เว็บไซต์: https://golang.org/dl/

สำหรับผมใช้ Mac OSX ไม่มีปัญหา อะไรแต่ถ้าเป็น windows ก็ตั้งค่ากันหน่อยละกัน ตามข้อมูลข้างล่าง

OS Output
Linux export PATH=$PATH:/usr/local/go/bin
Mac export PATH=$PATH:/usr/local/go/bin
FreeBSD export PATH=$PATH:/usr/local/go/bin

สำหรับ Mac ก็ติดตั้งไฟล์ DMG ซะ จะเจอสัญลักษณ์เจ้า Go เฟอร์น่ารักปรากฏขึ้นมา

เมื่อเสร็จแล้วก็เปิด Editor สักตัวขึ้นมาลองเริ่มต้นเขียนโปรแกรมครับ ซึ่งโครงสร้างของภาษา Go นั้นใกล้เคียง  C, Python และ Swift ผสมกันเลย สำหรับคำสงวนของภาษา Go ก็ประกอบไปด้วย:

break default func interface select
case defer go map struct
chan else goto package switch
const fallthrough if range type
continue for import return var

เปิด Text Editor ขึ้นมาแล้วลองเริ่มเขียนคำสั่ง Basic ของมันดูครับ:

package main

import "fmt"

func main() {
   fmt.Println("Hello, Go!")
}

ทำการบันทึกไฟล์เป็น tutorial1.go ซะ แล้วไป compile สำหรับ run มันผ่าน Terminal (ถ้าเป็น Windows ก็คือ Command Line) ครับผลลัพธ์ก็จะเป็นดังนี้

ทดสอบเรื่องของตัวแปรและ DataType ของภาษา Go หน่อย สร้างไฟล์ว่า tutorial2.go ขึ้นมา:

package main

import "fmt"

func main() {
   var x float64 = 20.0

   y := 42
   fmt.Println(x)
   fmt.Println(y)
   fmt.Printf("x is of type %T\n", x)
   fmt.Printf("y is of type %T\n", y)
}

ผลลัพธ์ก็คือ:

ทดสอบนิพจน์ทาง คณิตศาสตร์หน่อย สร้างไฟล์ tutorial3.go

package main

import "fmt"

func main() {
   var a int = 21
   var c int
   c =  a
   fmt.Printf("Result 1 - =  Operator Example, Value of c = %d\n", c )
   c +=  a
   fmt.Printf("Result 2 - += Operator Example, Value of c = %d\n", c )
   c -=  a
   fmt.Printf("Result 3 - -= Operator Example, Value of c = %d\n", c )
   c *=  a
   fmt.Printf("Result 4 - *= Operator Example, Value of c = %d\n", c )
   c /=  a
   fmt.Printf("Result 5 - /= Operator Example, Value of c = %d\n", c )
   c  = 200;
   c <<=  2
   fmt.Printf("Result 6 - <<= Operator Example, Value of c = %d\n", c )
   c >>=  2
   fmt.Printf("Result 7 - >>= Operator Example, Value of c = %d\n", c )
   c &=  2
   fmt.Printf("Result 8 - &= Operator Example, Value of c = %d\n", c )
   c ^=  2
   fmt.Printf("Result 9 - ^= Operator Example, Value of c = %d\n", c )
   c |=  2
   fmt.Printf("Result 10 - |= Operator Example, Value of c = %d\n", c )
}

ผลลัพธ์

เป็นการชิมลางเล็กน้อยกับ เจ้าภาษา Go เท่านี้ก่อนละกันนะครับในบทเรียนนี้

Asst. Prof. Banyapon Poolsawas

อาจารย์ประจำสาขาวิชาการออกแบบเชิงโต้ตอบ และการพัฒนาเกม วิทยาลัยครีเอทีฟดีไซน์ & เอ็นเตอร์เทนเมนต์เทคโนโลยี มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ผู้ก่อตั้ง บริษัท Daydev Co., Ltd, (เดย์เดฟ จำกัด)

Related Articles

Back to top button

Adblock Detected

เราตรวจพบว่าคุณใช้ Adblock บนบราวเซอร์ของคุณ,กรุณาปิดระบบ Adblock ก่อนเข้าอ่าน Content ของเรานะครับ, ถือว่าช่วยเหลือกัน