Marketing Ideas

Viral Marketing Campaign การตลาดจากพลังแห่งการบอกต่อ

สิ่งที่ท้าทายเหล่านักการตลาดออนไลน์ และแบรนด์เมเนเจอร์ มากที่สุดก็คือ การจะทำ Viral Marketing หรือการตลาดแบบบอกต่อยังไงให้เป็นกระแสให้มากที่สุด แน่นอนไม่ว่าคุณจะเป็นใครหรืออยู่ในองค์กรไหน คุณก็คงอยากให้แบรนด์ของตนมีชื่อเสียงโด่งดังและเป็นกระแสบอกต่อ

Viral Marketing Campaign

สมัยก่อนหน้าที่ที่ยังไม่มีสื่อสังคม Social Media หรืออินเทอร์เน็ต โฆษณาโทรทัศน์คือเครื่องมือวัดผลลัพธ์ของ ROI หรือ Return on Investment ที่ดีที่สุด เพียงแค่การวัดผลอาจจะยากหน่อยนึง ตรงที่เมื่อได้ทำโฆษณา และออนแอร์ไปแล้ว สิ่งที่จะวัดว่าโฆษณานี้ได้ผลมากแค่ไหนนั้นต้องอาศัยว่าเพื่อนของเราหรือคนทั่วไปพูดถึงหรือเอาประโยคในโฆษณาของเรา ไปบอกต่อ ไปแปลงไปเพี้ยน หรือไปล้อมากน้อยขนาดไหน ยิ่งถ้าเป็นคำฮิตติดปากนั่นคือการย้ำว่าโฆษณาตัวนั้นโดนใจผู้ชมแล้วล่ะครับ

แต่เมื่อถึงยุคออนไลน์ และยุคของ Social Network หรือ Social Media การจะทำให้โฆษณาของเรา หรือแคมเปญโฆษณาของเราเกิดเป็นกระแส Viral Marketing นั้นก็เพียงแค่สังเกตุจากการแชร์ บน Facebook, Twitter หรือเครือข่ายอื่นๆ ว่ามันมีกรแชร์และเข้าชมมากแค่ไหน ทำให้เราเห็นว่ายิ่งยุคที่มีอินเทอร์เน็ต และสื่อสังคมอย่าง Social Media แล้วนั้น การตลาดแบบบอกต่ออย่าง  Viral Marketing Campaign นั้นก็ทำได้ง่ายขึ้นครับ อะไรก็แชร์ได้ เป็นไปได้หมดเพียงแค่ว่าแคมเปญของคุณมันยอมเยี่ยมโดนใจผู้บริโภคแล้วหรือเปล่า

Word-of-Mouth Marketing

การตลาดแบบปากต่อปาก หรือ Word-of-Mouth Marketing คือกลยุทธ์หนึ่งทางการตลาดที่เน้นไปที่การสร้าง Brand Awareness หรือการรับรู้ของแบรนด์ สินค้า และบริการ โดยอาศัยการบอกต่อแบบตั้งใจ และไม่ตั้งใจในกลุ่มคนที่เรารู้จักให้ขยายกลุ่ม หรือประเด็นที่พูดให้กว้างขึ้น แตกตัวเหมือนไวรัส เราจึงเรียกกลยุทธ์นี้ว่า Viral Marketing ซึ่งมีมานานแล้วก่อนที่โลกนี้จะมีอินเทอร์เน็ตซะอีกครับ เช่น ข่าวลือ ข่าวซุบซิบ ข่าวโคมลอย จนกระทั่งมารู้จักกันจริงๆ จังๆ ก็ตอนที่มี Facebook, Twitter และ YouTube นี่แหละครับที่ทำให้การตลาดแบบบอกต่ออย่าง Viral Marketing นั้นเป็นกระแสมากขึ้น และมีคนรู้จักมากขึ้น

“ต้องทำยังไงถึงจะเกิดการบอกต่อบนโลกอินเทอร์เน็ต” นี่คือคำถามสำคัญที่ท้าทายนักการตลาดและแบรนด์เมเนเจอร์มาตลอดว่าจะต้องทำอย่างไรจึงจะสร้าง Viral Marketing ให้เกิดเป็นกระแสบอกต่อ เพราะว่าข้อจำกัดของการทำ Viral Marketing นั้นก็คือเราจะไม่มีทางวัดผลในช่วงเริ่มต้นที่ดำเนินแคมเปญได้ทุกแคมเปญ ดังนั้นการจะสร้างแคมเปญ Viral Marketing ให้เป็นกระแสบอกต่อได้นั้น จำเป็นที่จะต้องแบ่งปันและนำเสนอในเรื่องของความรู้สึกของผู้บริโภคที่จะมีร่วมกับสื่อที่เรานำเสนอออกไป โดยเฉพาะไอเดียเจ๋ง ตลก น่ารัก หรือพูดโดยรวมก็คือ “โดนใจ” ผู้บริโภคนั่นเองครับ

ลักษณะการนำเสนอ Viral Marketing Campaign ที่เราจะพบบ่อยที่สุดในโลกอินเทอร์เน็ตคือวีดิโอ Video และ Application แบบแชร์ภาพถ่ายครับ แน่นอนว่าทั้งหมดนั้นเมื่อมันโดนใจแล้วผู้บริโภคมักจะทำการ แชร์ แบ่งปัน คลิปวีดีโอ ภาพถ่าย หรือเกมให้แก่เพื่อนๆ ของพวกเขาทันที เอาเป็นว่าเรามาดูกันหน่อยดีกว่าแคมเปญ Viral Marketing แบบไหน และอะไรที่น่าสนใจ ผู้เขียนเลยขออนุญาตินำเสนอสื่อที่น่าสนใจเป็นตัวอย่างเพื่อที่เราจะได้วิเคราะห์กันครับ

Viral Marketing อย่างเนียน กับ แคมเปญ Born to create Drama

แคมเปญตัวนี้ถูกนำเสนอขึ้นในรูปแบบของวีดิโอ ที่ไม่ได้แทรกเรื่องของแบรนด์เข้ามาเกี่ยวข้องเลย Born to Create Drama นั้นเป็นแนวคิดของงาน Young Director Award ของปี 2010 ความน่าสนใจของคลิปวีดิโอตัวนี้อยู่ที่ความลงตัวของกลุ่มนักแสดง และลูกล่อลูกชนของบทที่เขียนอย่างสั้นๆ ได้ใจความ ซึ่งสามารถสร้างความตระหนัก (Awareness) ถึงแบรนด์ได้ในตอนจบของวีดิโอ

Viral Video ของแคมเปญ Born to Create Drama

Born to create Drama นั้นเริ่มต้นด้วย ฉากบนท้องถนนของแม่ลูกคู่หนึ่งที่ขับรถเร็วเกินไป จนถูกคุณตำรวจเรียกให้จอดรถ เมื่อคุณตำรวจเข้าไปให้ใบเสร็จแก่คุณแม่ ก็ได้หันไปทักทายหนูน้อยที่นั่งเงียบระบายสีอยู่ เจ้าหนูน้อยกลับไม่ได้ทักทายกลับแต่อย่างใด เธอส่ายหัวแล้วกระซิบบอกคุณตำรวจว่า “เธอไม่ใช่แม่ฉัน” แล้วก็หยิบกระดาษที่เขียนข้อความว่า “ช่วยด้วย” ให้คุณตำรวจเห็น คุณตำรวจได้ทีก็เลย ชักปืนออกมาบอกให้คุณแม่ออกมานอกรถเพื่อถูกจับกุม แล้วกล้องก็จบไปที่การแพนไปยังหน้าของหนูน้อยกับรอยยิ้มเล็กๆ พร้อมสโลแกน “Born to create Drama” และเว็บของโครงการ Young Director Award 2010 ขึ้น เท่านี้ผู้ชมทุกคนก็เกิดความตระนักถึงแบรนด์เรียบร้อยแล้ว ใครที่สนใจก็สามารถเสิร์ชคำว่า Born to create Drama บน Youtube ได้

การโต้ตอบกับผู้บริโภคผ่าน Viral Video

แน่นอนว่าอีกความสำเร็จหนึ่งที่เป็นกระแสบอกต่อได้คือการให้ผู้บริโภคทำการชักชวนเพื่อนของพวกเขามาช่วยกันกระจายเรื่องราวของ Viral Marketing แคมเปญให้กลายเป็นกระแสกัน แคมเปญประเภทนี้เกิดขึ้นมาแล้วทั้งในต่างประเทศ และในประเทศไทย นั่นคือการให้โอกาสแก่เหล่าผู้บริโภคที่ทำการกด Like, Subscribe หรือ Follow นั้นสามารถแสดงความเห็น ให้เหล่าทีมงานที่จัดทำ Viral Marketing ทำอะไรต่อไปกับแคมเปญตัวนี้

ในต่างประเทศมีอยู่ 2 แคมเปญที่ถูกพูดถึงว่าสามารถทำ Viral Marketing ได้อย่างโดดเด่น โดยแคมเปญแรกก็คือโฆษณาสบู่ Old Spice ที่มีการโต้ตอบ และรับฟังเสียงผู้บริโภคผ่าน Twitter และ Fan Page ว่าจะให้แคมเปญสบู่ตัวนี้เป็นยังไงต่อไป เริ่มต้นนั้นก็คือแบรนด์สบู่ Old Spice โด่งดังมาตั้งแต่ปี 2010 ได้นำนายแบบผิวเข้มมาทำการโปรโมตว่าเขาจะอาบน้ำ และถ่ายโฆษณาที่ไหน และจบโดยการตั้งคำถามว่าที่ต่อไป ธีมของโฆษณาตัวต่อไปนั้นจะให้เค้าไปที่อาบน้ำโปรโมตสบู่ที่ไหน

แคมเปญ old spice

ซึ่งเสียงตอบรับของผู้บริโภคนั้นดีเกินคาดครับ มีการโต้ตอบ และโหวตสถานที่ต่างๆ ผ่านทั้งช่องทางของ YouTube, Facebookและ Twitter โดยทีมงานก็นำแนวคิดของผู้บริโภคไปถ่ายทำโฆษณา ต่างสถานที่ ต่างธีมไปเรื่อยๆ จนหมดแคมเปญ ใครสนใจก็ลองเสิร์ชคำว่า Old Spice บน Youtube กันดูได้ครับ

อีกแคมเปญหนึ่งก็คือ Tipp-Ex เครื่องมือป้ายคำผิดแก้ไขตัวอักษร หรือบ้านเราก็คือน้ำยาลบคำผิดนั่นแหละครับ เป็นอีกแคมเปญหนึ่งประสบความสำเร็จ เนื่องจากว่ามีการนำเสนอช่วงแรกผ่าน Rich Media หรือ Expand Banner ป้ายโฆษณาบนเว็บไซต์ YouTube แบบพิเศษ แต่เมื่อคลิปและโฆษณาตัวแรกจบลบ Tip-Ex ก็ใช้กระแสการบอกต่อของผู้บริโภคให้เกิดการบอกต่อ และขอความเห็นว่าแคมเปญจะทำอะไรต่อไปดีผ่าน 2 ตัวละครคือ คน และ หมี

การเล่น Social Interaction ระหว่างผู้ชมกับสื่อ และ แบนเนอร์

Tip-Ex กับ Rich Media Banner

เริ่มต้นแคมเปญด้วยวิดิโอบน YouTube ที่มีชื่อว่า “A Hunter shoot a Bear” ซึ่งเป็นเรื่องของนายพรานคนหนึ่งที่กำลังตั้งแคมป์ แล้วก็ดันมีหมีโผล่ออกมา นายพรานก็หยิบปืนมาจะยิงหมีตัวนั้นแต่สุดท้ายแล้วเขาก็ทำไม่ลง เขาก็เลยเอื้อมมือไปหยิบตัวลบคำผิดจากแบนเนอร์โฆษณาข้างๆ แล้วเอามาลบคำว่า Shoot ออกไปแล้วก็ใส่คำว่า Hug แทน โฆษณาก็นำเสนอคนกอดกับหมี หลังจากนั้นก็มีการกระจายแบบบอกต่อให้ผู้บริโภคโหวตกันมาว่าอยากจะให้หมีและนายพรานคนนี้ทำอะไรกันต่อ ซึ่งก็มีกระแสบอกต่อสนุกสนานกันเกิดขึ้น คลิปมากมายถูกถ่ายทำจากทีมงาน Tipp-Ex ยาวนาน และสนุกสนาน เกิดการบอกต่อเกิดการสร้างการรับรู้ สนุกสนานกันไป หากว่าสนใจก็ลองหาชมบน Youtube ได้ครับ

แน่นอนว่าเมื่อสามารถทำให้ “กระแส” เกิดขึ้นได้ วิดิโอตัวอย่างที่ยกมาก็ย่อมจะมียอดชมสูงมากเป็นประวัติการณ์ และนั่นคือกระแสแห่งความสำเร็จของแคมเปญ Viral Marketing ยังไงก็ตามการสร้างแคมเปญ Viral Marketing จะโดนใจคนดูแค่ไหน และจะเกิดการแชร์และบอกต่อหรือไม่นั้น มันก็ขึ้นอยู่กับความน่าสนใจของตัวคอนเทนต์เอง ซึ่งหากสามารถนำเสนอเรื่องราวที่น่าสนใจและน่าติดตาม ก็ย่อมจะทำให้เกิดการการตอบรับจากเครือข่ายสังคมออนไลน์ อย่าง Social Network และเกิดการบอกต่อเพื่อสร้างการรับรู้แบรนด์ หรือ Brand Awareness อย่างแท้จริง

Asst. Prof. Banyapon Poolsawas

อาจารย์ประจำสาขาวิชาการออกแบบเชิงโต้ตอบ และการพัฒนาเกม วิทยาลัยครีเอทีฟดีไซน์ & เอ็นเตอร์เทนเมนต์เทคโนโลยี มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ผู้ก่อตั้ง บริษัท Daydev Co., Ltd, (เดย์เดฟ จำกัด)

Related Articles

Leave a Reply

Back to top button

Adblock Detected

เราตรวจพบว่าคุณใช้ Adblock บนบราวเซอร์ของคุณ,กรุณาปิดระบบ Adblock ก่อนเข้าอ่าน Content ของเรานะครับ, ถือว่าช่วยเหลือกัน